ทริปปิดท้ายปี 2017
ตามแผนที่ด้านล่างเลยนะคะ เรากับสามีจะไป 4 จังหวัดนะคะ
โดยจะเริ่มต้น 2 คืนแรกที่ โคลัมโบ Colombo เมืองหลวงของประเทศศรีลังกา และไปต่อกันที่ แคนดี้ Kandy 3คืน
และไปขึ้นเขา ฮาปูทาเล Haputale 2 คืน และไปจบกันที่ทะเล กอลล์ Galle 3คืน
มาเริ่มการเดินทางกันเลยดีกว่า Let’s Go!!!
จะบินไปศรีลังกาทั้งทีก็ต้องบินกับสายการบินของประเทศเขาเลย SriLanka Airlines
ใช้เวลาโดยประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
ขาไป BKK – CMB — >> 09:00 – 11:00 (3h 30m)
ขากลับ CMB – BKK — >> 14:35 – 19:40 (3h 35m)
ค่าเสียหายไปกลับ 2คน = 20,xxx ไทยบาท (ปล.เราจองล่วงหน้า 2เดือน ก่อนจะเดินทาง)
เรื่องการบริการบนเครื่องของสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ (เราไปชั้นประหยัด)
ถือว่าโอเคเลยนะคะ อาหารโอเค พนักงานใส่ใจดีนะคะ แอร์บนเครื่องก็จะใส่ชุดส่าหรี น่ารักดีค่ะ
และก่อนจะถึงพนักงานก็จะแจกใบ ตม ให้กรอกก่อนจะเข้าประเทศ (ตามรูปด้านล่างเลยนะคะ)
ส่วนวีซ่าเราขอออนไลน์แค่ไม่ถึงสิบนาทีก็ได้ละ เร็วดีนะคะ
ถึงปุบสิ่งแรกที่เราสองคนชอบทำคือ ตามหาซิมการ์ดพร้อมโปรเน็ตดีๆ ครั้งนี้จะว่าพลาดก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นนะคะ
เราเลือกซิมค่าย Hutch บางจุดแรงดี แต่บทจะหายก็หายแบบไม่มีสัยญาณเลยนะคะ ฮ่าๆๆ
พอเสร็จเรื่องซิมก็หารถแท็กซี่ไปยังที่ๆเราจะพักกันคืนแรกที่ Colombo
Colombo 2 Nights
ชื่อ : Paradise Road – Tintagel Colombo Hotel
เว็บ: www.Paradiseroadhotels.com
ราคา: 28,xxx บาท ราคารวมอาหารเช้านะคะ
ที่พัก: สถานที่จริงสวยสมกับราคาเลยค่ะ และห้องที่เรากับสามีได้พักคือห้องที่ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และคามิลล่า เคยพัก (ถามว่าแล้วไงก็ไม่มีไรแค่พนักงานบอกเลยบอกต่อ ฮ่าาาาาๆๆๆ)
อาหาร: เลิศ ถูก อร่อย
พนักงาน: มีความเป็นมืออาชีพสมกับที่พักเลยค่ะ ยิ้มแย้มตลอดและดูแลแขกเป็นอย่างดี
บริเวณที่พัก: ตั้งอยู่ในซอยสถานฑูตหลายประเทศตั้งอยู่ ในส่วนตรงข้ามที่พักก็จะมีร้านขนมเค๊กและเสื้อผ้าสตรีและสูทผู้ชายเนื้อผ้าดีนะคะ(ลองซื้อมาแล้ว) หน้าที่พักก็จะมีรถตุ๊กตุ๊กจอดสองสามคัน ส่วนถ้าจะยืนรอแท๊กซี่คงจะรอดนานหน่อยเพราะต้องแจ้งกับทางโรงแรมถึงจะมีแท๊กซี่มารับ และแท๊กซี่ที่นี่เขาจะใช้รถบ้านคือเขาจะไม่ขึ้นป้ายหรือทำสีแบ่งแยกแบบไทยเรานะคะ ส่วนราคาตุ๊กตุ๊กก็จะสูงหน่อยนะคะเพราะไม่มีมิเตอร์แล้วแต่คนขับจะคิด
ที่เที่ยวในตัวโคลัมโบ ก็จะมีวัด พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ส่วนตัวเรากับสามีไม่ค่อยชอบเที่ยวตามตัวเมืองเพราะคนเยอะรถเยอะวุ่นวาย แต่ถ้าให้แนะนำ เขามี Hight Afternoon Tea ตามโรงแรมห้าดาวติดทะเลน่าแวะไปลองกันนะคะ ปล เรากับสามีไม่ได้ไปฮ่าๆ
Kandy 3 Nights
ใช้เวลาในการเดินทาง มากกว่า 4 ชั่วโมงเพราะที่พักอยู่บนเขา พวกเราถึงพอดีเย็นแล้วเลยมองป้ายหาทางยากเสียเวลาไปพอสมควร แล้วถนนระหว่างทางที่จะมาแคนดี้ก็เป็นถนนเส้นเล็กเส้นเดียวขับส่วนสลับกันแซง คนขับชำนาญขับได้เยี่ยมมากไม่มีเชี่ยวชนอะไรเลย บีบแตรกันตลอดทาง บีบแตรเพื่อขอทาง บีบเพื่อขอบคุณหลังจากแซงและก็บีบเพื่อด่า ไมขับช้าจัง หลบหน่อยๆ ฮ่าๆๆ
ชื่อ : Theva Residency
เว็บ: www.theva.lk
ราคา: 18,xxx บาท + ราคารวมอาหารเช้านะคะ
ที่พัก: มีทุกอย่างครบ สระว่ายน้ำ ห้องอาหาร ห้องอบซาวหน้า ห้องเล่นเกมส์ ถ้าไม่อยากจะเดินไปไหนหรือลงเขาที่นี่เหมาะมาก
อาหาร: ขนมปังอร่อย กินเกือบหมดตลอดเวลาพนักงานเอามาเสิร์ฟ หุหุ อาหารก็อร่อยและราคาก็ดีถูกใจ แต่ช่วงที่เรามาพักตรงกับช่วงคริสต์มาส คืนนั้นดินเนอร์ก็จะราคาขึ้นเท่าตัว แต่คุ้มกับราคาที่จ่ายมีไวน์ให้หนึ่งขวดและบุฟเฟ่ที่หลากหลาย
พนักงาน: ยังไม่เจอไม่ดีเลยนะคะ ยิ้มแย้มตลอด พร้อมช่วยเหลือ ลืมบอกไปว่าที่ศรีลังกาในโรงแรมจะเป็นพนักงานผู้ชาย ผู้หญิงแทบจะไม่เห็น ผู้ชายเป็นทุกอย่าง
บริเวณที่พัก: อยู่บนยอดเขา บรรยากาศเย็นสบายตัว สามารถเดินเล่นรอบๆที่พักได้ผู้คนชาวบ้านแถวนั้นอัธยาศัยน่ารักยิ้มทักทาย
สถานที่เที่ยวที่แคนดี้ก็จะมีแคนดี้เลคเป็นอะไรที่ใครไปก็คงต้องผ่านเห็นแน่นอนค่ะ
ส่วนที่แรกที่เราจะแนะนำคือ
วัดพระเขี้ยวแก้ว หรือ Sri dalada maligawa
เป็นวัดที่เราชอบมาก ใหญ่ สะอาด สวย คนเยอะแต่เขาก็เป็นระเบียบกันดีนะคะ วัดนี้ต้องเสียค่าเข้าไปข้างใน
ราคาตกคนละ 300บาท (1,500 ศรีลังการูปี) โดยไปกดตั๋วที่เครื่องและใส่เงินเข้าไปในเครื่อง พอได้ตั๋วก็ไปต่อแถวเข้าก่อนจะต่อแถวก็ต้องถอดรองเท้าฝากไว้ด้านนอก ก็เสียค่าฝากจำไม่ได้ว่าเท่าไร แต่คนขับที่พาไปเขาคุยกันภาาาบ้านเขาเราก็จ่ายไม่กี่บาทนะคะ รูปภายในจะอยู่ในสไลด์นะคะ
ที่ต่อไปที่จะแนะนำสำหรับใครมาแคนดี้ที่ชอบธรรมชาติและรักการเดิน
Royal botanic gardens peradeniya Sri Lanka
สามีชอบมากกกกกๆๆ เดินเล่นเกือบชั่วโมงกว่า ต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ผู้คนก็เยอะพอสมควรมากันเป็นครอบครัวลูกเด็กเล็กแดง และก็นักท่องเที่ยวแบบเรา
เปิด 6โมงเช้า ถึง หนึ่งทุ่ม
ส่วนค่าเข้า 300 บาท (1,500 ศรีลังการูปี)
สถานที่ต่อไปใครๆก็มักจะไป
Sigiriya
เดินทางจาก Kandy ไปยัง SIGIRIYA ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง ระหว่างทางธรรมชาติสวยงามมากค่ะ เพลินตาสบายใจ แต่ถ้าใครจะไปแนะนำนะคะ หาที่พักใกล้ๆกับ sigiriya จะดีกว่านะคะ จะได้ไม่เสียเวลาไปกับการเดินทางแบบเรา และถ้าพักแถวนั้นแนะนำอย่าลืมไปขึ้นบอลลูนนะคะ เขามีเวลาแบบเช้าก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นหรือตอนพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งพวกเราก็อดสิคะ เพลียกับการเดินทางหมดแรง ฮ่าๆ มาต่อที่ sigiriya นะคะ ค่าเข้าแอบแพงไปหน่อย 30$ ราคาไทยก็ประมาณเก้าร้อยห้าสิบกว่าบาทกันเลยทีเดียว ถามว่ามีอะไรไหมก็มีเขาให้คนเดินเบียดเสียดกันขึ้นไปสามสิบนาทีขยับได้สักเกือบสิบก้าวอะคะ แนะนำว่าถ้าจะขึ้นไปจริงๆ แบบได้รูปสวยๆต้องมาแต่เช้าก่อนคนตื่น ขากลับไปยังที่พักระหว่างทางคนขับรถเขาพาเราแวะที่สไปซ์การ์เด้นท์ พืชพรรณสมุนไพรหลากหลาย พร้อมทั้งมียาหม่องในแบบฉบับบ้านเขาขาย ยานวดแก้ปวดเก๊า ชาต่างๆ
Click to view slideshow.Haputale 2 Nights
เดินทางจากแคนดี้ไปยัง Haputale ฮาปูทาเล่ (แล้วแต่คนจะเรียกนะคะ) ใช้เวลาโดยประมาณเกือบห้าชั่วโมง เส้นทางจะโค้งไปมาขึ้นลงตลอดและก็จะผ่านภูเขาที่สูงที่สุดของศรีลังกา ที่พักที่เราพักก็ไม่ธรรมดาเสมือนอยู่บนยอดเขา หมอกลงตลอด โชคดีมากได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันสุดท้ายก่อนจะไป
ชื่อ : Leisure Mount View Holiday Inn
เว็บ: ไม่มีนะคะ
ราคา: 3,xxx บาท + รวมอาหารเช้านะคะ
ที่พัก: ที่พักธรรมดาทั่วไปกว้าง มีมุมนั่งเล่นแต่งตัว
อาหาร: อาหารโอเคออกแนวศรีลังกาจริงๆเลยทานได้ แต่ถ้าเดินเข้าไปในชุมชนก็จะมีร้านอาหารบ้างแต่จะเป็นร้านขนมปัง
พนักงาน: พนักงานยิ้มเก่ง อัธยาศัยดี แต่อาจจะมีสับสนเรื่องการสื่อสารนิดหน่อยแต่โดยรวมดีค่ะ
บริเวณที่พัก: เหตุผลที่พักที่นี่ก้เพราะที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ที่พักมองเห็นวิวไร่ชาและพระอาทิตย์ขึ้นอย่างสวยงามเป็นภาพที่ติดตามาก เวลาที่เหมาะแก่การดูพระอาทิตย์คือเวลาประมาณหกโมงเช้าโดยประมาณนะคะ คุณจะเห็นก้อนเมฆลอยไปมาพร้อมทั้งสีท้องฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนสี และแสงแดดยามเช้าที่ค่อยๆส่องผ่านเมฆที่บดบัง
สถานที่แนะนำนะคะ แถวนี้จะมีโรงงาชาเยอะมากพอสมควรและที่ฮิตที่ใครๆก็ต้องไปกันก็คือ Lipton Seat ไร่ชาลิปตันนั่นเอง จากที่พักใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ต้องนั่งตุ๊กตุ๊กไปและต่อด้วยการเดินขึ้นไปนะคะ ส่วนพวกเราก็ไม่ไปเช่นเคย ฮ่าๆๆ แต่เราแวะโรงงานชาที่อื่นก่อนจะมาถึงที่พัก ถ้าใครมาพักบนเขาอย่าลืมพกร่มหรือเสื้อกันฝนติดมาด้วยนะคะ
มีร้านอาหารที่ชอบอยู่ร้านนึงซึ่งจะแตกต่างจากร้านอื่นไม่ว่าจะเมนูอาหาร หรือการตกแต่งร้าน
Lettuce & Cabbage
ร้านนี้ราคาไม่แพงอาหารก็อร่อยออกแนวยุโรป ร้านจะมีที่ให้นั่งทั้งในและนอก เราเลือกด้านนอกก็จะชมวิวรถผ่านไปมา คนเดินสวนกันประมาณนี้ ร้านสะอาด มีห้องน้ำด้วยนะคะ
Click to view slideshow.
Unawatuna 3 Nights
ลงจากภูเขาแล้วมาต่อกันที่ทะเล Galle, Unawatuna ใช้เวลาโดยประมาณ ห้าชั่วโมงกว่าๆ ขึ้นอยู่ว่าเราจะจอดพักกันบ่อยแค่ไหนด้วยนะคะ จะรู้สึกถึงความแตกต่างเย็นจัดบนยอดเขา ลงมาสู่ความร้อนชายหาด ก็ระวังเรื่องสุขภาพกันด้วยนะคะ
ชื่อ : Thambapanni Retreat
เว็บ: http://www.thambapanni.biz
ราคา: 12,xxx + รวมอาหารเช้า
ที่พัก: ได้ห้องที่เหมาะกับคนที่มากันเป็นครอบครัวมีเด็กมาด้วย เพราะเขามีเตียงเดี่ยวให้ด้วย ภายในห้องกว้าง ห้องน้ำก็กว้าง มีระเบียงน่ารักๆให้อีก แต่ต้องระวังเพื่อนบ้านอย่างเจ้าลิงนะคะ
อาหาร: อาหารโอเคเช่นเคย แต่ในส่วนอาหารเช้าจะเป็นอาหารศรีลังกา มีอยู่อย่างนึงที่เราติดใจก็ซุปปลาอะไรสักอย่างน้ำซุปคล้ายแกงส้มบ้านเรา แต่ก็ไม่ถึงกับแกงส้มสะทีเดียว แต่อร่อยค่ะ และเขาก็มีอาหารเบสิคอย่าง ไข่ดาว เบคอน ขนมปังให้สำหรับใครต้องการ
พนักงาน: ตั้งแต่มาศรีลังกายังไม่เจอพนักงานที่ไหนที่ไม่โอเคเลยนะคะ ที่นี่ก็เช่นกันอัธยาศัยดี ทักทายลูกค้าตลอด
บริเวณที่พัก: ที่พักไม่ติดทะเลนะคะ แต่เดินไปไม่เท่าไรก็ถึงนะคะ ทางเข้ามายังที่พักก็มีร้านเสื้อผ้าที่ทั้งรับว่อมแก้เสื้อผ้า ราคาไม่แพง ทำเสร็จไวอีกต่างหาก เราลองมาแล้วเอากางเกงยีนส์ไปแก้มา หมดไปสามสิบบาทไทย แถวนี้ก็จะมีร้านนวดและร้านจิวเวอรี่เยอะมากมาย คิดง่ายๆก็ร้านขายของคล้ายตามทะเล ตามเกาะที่ไทยเรานั่นแหละค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำให้เข้าไปในตัวเมือง Galle ใช้เวลาไม่นาน แต่แนะนำให้ไปแต่เช้าเพราะถ้าสายๆรถจะติดควันก็จะเยอะและก็จะร้อน แต่ถ้านั่งแท็กซี่ก็ไม่เป็นไร ในตัวเมืองกอลล์น่าเดินมากค่ะ สะอาด มีร้านอาหารมากมาย บ้านเรือนร้านค้าออกแนวดัตช์ ยังไงก็ลองแวะไปกันนะคะ น่าเดินเล่นมากๆ แต่อย่าลืมพกร่ม และแว่นกันแดดด้วยนะคะ
สรุปทริปศรีลังกา
พวกเราจะเสียเวลาไปกับการเดินทางแต่ ธรรมชาติระหว่างทางสวยงามมากๆค่ะ เขียว สดชื่น เวลาผ่านเมืองต่างๆ เขาก็จะมีความแตกต่างกันออกไป เช่น Dambulla เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางผักผลไม้ของศรีลังกา, Embilitiya จังหวัดนี้ส่วนใหญ่จะปลูกกล้วยเต็มไปหมด, Middeniya จังหวัดแห่งมะพร้าวสำหรับทำกะทิ, แกง หรือน้ำมัน
ที่ศรีลังกา เรียนฟรี เข้าโรงพยาบาลรัฐฟรี คล้ายประเทศอังกฤษ แม้แต่ป้ายข้างทางถนนต่างๆก็มีความคล้ายอังกฤษ และที่ศรีลังกาเขาจะไม่ค่อยใช้ยาฝรั่ง จำพวกเคมี แต่เขาจะใช้พืช สมุนไพรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ส่วนตัวถ้าถามว่าจะกลับไปเที่ยวที่ศรีลังกาอีกไหมก็ตอบได้เต็มปากว่าจะกลับไปอีกแน่นอน เรากะสามีชอบธรรมชาติ ป่า เขา ทะเล ต้นไม้ และผู้คนที่นี่แลดูแฮปปี้ตลอดเวลา
ส่วนภาพนี้ถ่ายกับพี่คนขับสักหน่อย ภายนอกอาจจะดูน่ากลัว แต่สิบวันที่พาเราไปทุกที่พี่แกดีมาก ดูแลพวกเราดีมาก
ถ้าใครจะไปแนะนำพี่คนขับคนนี้เลยค่ะ ชื่อซุนิล ถ้าสนใจสามารถสอบถามได้นะคะ (เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆทั้งสิ้นเด้อ)
ทิ้งท้ายอีกข้อแนะนำ คือ เวลาจะให้มีคนขับรถส่วนตัวให้ เวลาเราติดต่อโรงแรมห้องพัก รบกวนถามเขาว่ามีที่พักให้คนขับไหม ถ้ามีก็ดีเลย แต่ถ้าไม่มีเขาจะคิดค่าที่พักเพิ่มเป็นวันละสิบดอลล่า ในราคานี้ถือว่าไม่แพงเพราะเขาก็ไม่มายุ่งกับเราเลย สิบวันที่พาเราเที่ยว ได้เลี้ยงข้าวเขาแค่มื้อเดียวเอง ชวนหลายรอบไม่ยอมให้เลี้ยงเลย
โอเคค่ะ ปิดทริปสิ้นปีไปเรียบร้อย คอยติดตามกันนะคะ ว่าครั้งต่อไปจะไปที่ไหน หรือใครมีที่ไหนที่อยากจะแนะนำสามารถบอกกันได้เลยนะคะ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
Thank You
10 Days in Sri Lanka
The post 10 Days in Sri Lanka appeared first on Thinglish Lifestyle.
No comments:
Post a Comment